เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ ในมุมมองลูกหนังแข้งเทพ
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ ในมุมมองลูกหนังแข้งเทพ
กองกลางวัย 28 ปี จากสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยในปัจจุบัน ขณะที่กับสโมสรแบงค็อก เจ้าตัวก็เป็นตัวหลักของ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือบียูเช่นกัน และกำลังช่วยต้นสังกัดไล่ล่าทำคะแนนตามหลังทีมนำเซราะกราวและกิเลนผยองถึงแม้จะเหนื่อยแต่เจ้าตัวก็สู้ไม่เคยท้อ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ของเจ้าตัวกันครับ...
ประวัติโดยย่อของ เจ้าแคมป์
ชื่อ : สรรวัชญ์ เดชมิตร
ชื่อเล่น : แคมป์
เกิด : 3 สิงหาคม พ.ศ. 2532
สูง : 182 CM.
ตำแหน่ง : กองกลาง / ริมเส้นฝั่งซ้าย
เบอร์เสื้อ : 29
ต้นสังกัดปัจจุบัน : สโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด
ประวัติการค้าแข้งที่ผ่านมา : แทมปิเนส โรเวอรส์ ปี 2009 , บางกอกกล๊าส เอฟซี ปี 2010- 2012 และ บีอีซี เทโร ศาสน ปี 2012 - 2013
ประวัติการเล่นฟุตบอลระดับชาติ : ติดทีมชาติไทยชุด U23 (ปี 2010) , ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ปี 2010 - ปัจจุบัน
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ เดชมิตร ได้พูดถึงการเริ่มต้นเล่นฟุตบอลของตัวเองว่า
"ที่ผมมีวันนี้ได้เพราะพ่อของผมครับ คุณพ่อท่านเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว และแม่ผมก็สนับสนุนอีกทาง พ่อผมเป็นฟุตบอล ผมก็ตามพ่อไปเล่นฟุตบอลที่สนามตามประสาเด็กซน พอโตขึ้นมาผมก็ไปอยู่โรงเรียนประจำที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ผมได้เล่นฟุตบอลตั้งแต่ ป.3 - ม.6 ยันเข้ามหาลัย"
"จากนั้นก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำชวนให้ผมไปลองคัดตัวที่สิงคโปร์ ผมก็เลยไปและได้ประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกที่นั่น"
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ เดชมิตร กล่าวถึงการเล่นให้กับทีม บางกอกกล๊าส เอฟซี และ บีอีซี เทโรฯ ว่า
"ตอนนั้นผมรู้สึกกดดัน เนื่องจากทีมบีจี , แฟนบอล และหลายๆ ปัจจัยต้องการอย่างนี้ๆ ผมก็เลยดึงความสามารถตัวเองออกมาไม่ได้"
"ส่วนตอนเล่นให้เทโร ผมว่าผมมีความสุขดี แต่มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ มากกว่า ได้เล่นเคียงข้างพี่อ้น (รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค) , เจ ชนาธิป , ตั้ม ธนบูรณ์ สิ่งเหล่าทำให้ผมมีความสุข"
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ เดชมิตร กล่าวถึงตอนที่ตัวเองท้อเกือบจะเลิกเล่นฟุตบอลว่า
"ตอนนั้นผมโดนในแดงในทีมชาติแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ที่กว่างโจว ผมโดนใบแดง ยิงจุดโทษไม่เข้า ผมเครียดและเสียใจมาก คิดอยากจะเลิกเล่นฟุตบอล แต่ผมต้องขอบคุณผู้ชายคนนึงที่ดึงผมขึ้นมา ทำให้ผมมีกำลังใจสู้อีกครั้งคือ พี่แฮงค์ (อนุชา นาคาศัย) พี่เค้าบอกผมว่าไม่ต้องเสียใจไปเลยน้อง เราอายุยังน้อย ฟุตบอลมันมีทั้งความสุข ทุกข์ อยู่ในอารมณ์เดียวกันใน 90 นาที ผมก็เลยเชื่อคำพูดพี่เค้าจนผมกลับมาได้ถึงปัจจุบัน"
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ เดชมิตร กล่าวถึงการได้เล่นให้สโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ดว่า
"ขอบคุณผู้ใหญ่ ขอบคุณสต๊าฟ ขอบคุณมาโน่ (มาโน่ โพลกิ้ง) ที่ให้โอกาสผม มาโน่เค้าไม่เคยมากดดันผมเลยว่าวันนี้คุณต้องเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้สามคน วันนี้คุณต้องยิงให้ได้ เค้าไม่เคยมาพูดแบบนี้เลย เค้าบอกแค่ให้ผมลงไปเล่น อยากทำอะไรในสนามก็ทำไปเลยตามอิสระ ซึ่งมันทำให้ผมชอบสไตล์การทำทีมของมาโน่ แต่กับต่างชาติเค้าก็จะติวอีกแบบหนึ่ง โดยแนวทางของเค้าคือ สร้างสรรค์เกมรุกได้ทุกวินาทีและยิงคู่แข่งได้ทุกเวลา มันทำให้ผมต้องพัฒนาตัวเองยิ่งขึ้นอีก"
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ เดชมิตร พูดถึงการกลับมาติดทีมชาติไทยอีกครั้งว่า
"พอผลงานกับสโมสรออกมาดี ผมก็มีโอกาสกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง ผมเชื่อว่านักฟุตบอลทุกคนต่างหวังว่าจะต้องกลับไปใส่เสื้อทีมชาติลงเล่นอีกครั้งหนึ่ง ผมก็คิดแบบนั้น และผมก็ทำได้ ช่วงแรกๆ แฟนบอลก็คิดว่าผมจะเล่นเหมือนเมื่อก่อนหรือปล่าว แต่พอผมได้พิสูจน์ผลงานตัวเองให้ทุกคนเห็น แฟนบอลก็ลืมภาพเก่าๆ ออกไปได้"
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ เดชมิตร ได้พูดถึงการเริ่มต้นเล่นฟุตบอลของตัวเองว่า
"ที่ผมมีวันนี้ได้เพราะพ่อของผมครับ คุณพ่อท่านเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว และแม่ผมก็สนับสนุนอีกทาง พ่อผมเป็นฟุตบอล ผมก็ตามพ่อไปเล่นฟุตบอลที่สนามตามประสาเด็กซน พอโตขึ้นมาผมก็ไปอยู่โรงเรียนประจำที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ผมได้เล่นฟุตบอลตั้งแต่ ป.3 - ม.6 ยันเข้ามหาลัย"
"จากนั้นก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำชวนให้ผมไปลองคัดตัวที่สิงคโปร์ ผมก็เลยไปและได้ประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกที่นั่น"
"ตอนนั้นผมรู้สึกกดดัน เนื่องจากทีมบีจี , แฟนบอล และหลายๆ ปัจจัยต้องการอย่างนี้ๆ ผมก็เลยดึงความสามารถตัวเองออกมาไม่ได้"
"ส่วนตอนเล่นให้เทโร ผมว่าผมมีความสุขดี แต่มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ มากกว่า ได้เล่นเคียงข้างพี่อ้น (รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค) , เจ ชนาธิป , ตั้ม ธนบูรณ์ สิ่งเหล่าทำให้ผมมีความสุข"
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ เดชมิตร กล่าวถึงตอนที่ตัวเองท้อเกือบจะเลิกเล่นฟุตบอลว่า
"ตอนนั้นผมโดนในแดงในทีมชาติแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ที่กว่างโจว ผมโดนใบแดง ยิงจุดโทษไม่เข้า ผมเครียดและเสียใจมาก คิดอยากจะเลิกเล่นฟุตบอล แต่ผมต้องขอบคุณผู้ชายคนนึงที่ดึงผมขึ้นมา ทำให้ผมมีกำลังใจสู้อีกครั้งคือ พี่แฮงค์ (อนุชา นาคาศัย) พี่เค้าบอกผมว่าไม่ต้องเสียใจไปเลยน้อง เราอายุยังน้อย ฟุตบอลมันมีทั้งความสุข ทุกข์ อยู่ในอารมณ์เดียวกันใน 90 นาที ผมก็เลยเชื่อคำพูดพี่เค้าจนผมกลับมาได้ถึงปัจจุบัน"
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ เดชมิตร กล่าวถึงการได้เล่นให้สโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ดว่า
"ขอบคุณผู้ใหญ่ ขอบคุณสต๊าฟ ขอบคุณมาโน่ (มาโน่ โพลกิ้ง) ที่ให้โอกาสผม มาโน่เค้าไม่เคยมากดดันผมเลยว่าวันนี้คุณต้องเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้สามคน วันนี้คุณต้องยิงให้ได้ เค้าไม่เคยมาพูดแบบนี้เลย เค้าบอกแค่ให้ผมลงไปเล่น อยากทำอะไรในสนามก็ทำไปเลยตามอิสระ ซึ่งมันทำให้ผมชอบสไตล์การทำทีมของมาโน่ แต่กับต่างชาติเค้าก็จะติวอีกแบบหนึ่ง โดยแนวทางของเค้าคือ สร้างสรรค์เกมรุกได้ทุกวินาทีและยิงคู่แข่งได้ทุกเวลา มันทำให้ผมต้องพัฒนาตัวเองยิ่งขึ้นอีก"
เจ้าแคมป์ สรรวัชญ์ เดชมิตร พูดถึงการกลับมาติดทีมชาติไทยอีกครั้งว่า
"พอผลงานกับสโมสรออกมาดี ผมก็มีโอกาสกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง ผมเชื่อว่านักฟุตบอลทุกคนต่างหวังว่าจะต้องกลับไปใส่เสื้อทีมชาติลงเล่นอีกครั้งหนึ่ง ผมก็คิดแบบนั้น และผมก็ทำได้ ช่วงแรกๆ แฟนบอลก็คิดว่าผมจะเล่นเหมือนเมื่อก่อนหรือปล่าว แต่พอผมได้พิสูจน์ผลงานตัวเองให้ทุกคนเห็น แฟนบอลก็ลืมภาพเก่าๆ ออกไปได้"
สุดท้ายวันนี้ของบทความบอลไทย...เจ้าแคมป์ พูดทิ้งท้ายว่า "กว่าผมจะกลับมายืนตรงนี้ในวันนี้ได้มันเหนื่อย มีทั้งสุข ทุกข์ คนรอบข้างคอยให้กำลังใจ ผมขอบคุณความผิดพลาดที่ทำให้ผมแก้ไขตัวเองใหม่จนประสบความสำเร็จได้อย่างเช่นทุกวันนี้"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น